แนวรุกคืออาวุธสำคัญที่ใช้จัดการกับฝ่ายตรงข้าม และเมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมของคุณขาดกองหน้ามืออาชีพ นั่นบ่งบอกถึงความน่าเสียดายในการทำลายตาข่าย ซึ่งผลเสียอันใหญ่หลวงย่อมหนีไม่พ้นการอดคว้า 3 แต้ม และ รวมถึงการแพ้ในเกมรอบสำคัญ ในตอนนี้ทีมที่กำลังพบเจอกับปัญหาที่พูดถึงมาคือ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี
หากจะบอกว่าปัญหาใหญ่ตั้งแต่ซีซั่นก่อนคือการผลิตสกอร์ก็อาจไม่ถูกต้องแบบ 100% นักด้วยการมีหัวหอกตัวเป้าถึง 2 คนนั่นคือ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงร่างยักษ์ชาวเบลเยียม ซึ่งกดไปทั้งซีซั่น 13 ลูก ขณะที่ติโม แวร์เนอร์ หัวหอกชาวเยอรมันยิงไป 11 ลูก อย่างไรก็ตามในฐานะของการเป็นกองหน้าอาชีพพวกเขาถือว่าสอบตกอย่างแรง ยังโชคดีที่ได้มิดฟิลด์หลาย ๆ คนอาทิ เมสัน เมานท์, ไค ฮาแวตซ์, ฮาคิม ซิเย็ค, คริสเตียน พูลิซิซ มาช่วยกันถล่มประตู
ทว่าเมื่อมองถึงผลงานแบบเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจาก 2 ถ้วยแรกที่คว้ามาตั้งแต่ต้นซีซั่น พวกเขาจะบอกว่ามือเปล่าคงไม่ใช่เรื่องผิด แถมก่อนเปิดซีซั่นใหม่ยังต้องเสีย 2 หัวหอกหลักซึ่งตัดสินใจชิ่งหนีย้ายออกจากทีม บวกกับพอคว้าใครไม่ได้ต้องไปดึงตัว มิชี่ บาตชูอายี่ กลับมาจากเบซิคตัส ซึ่งถ้ามองกันแบบปอนด์ต่อปอน์ยังไงก็ยังเทียบชั้นทั้งลูกากูและแวร์เนอร์ไม่ได้ด้วยซ้ำ
ขณะที่ดาวเตะคนอื่น ๆ ในปีนี้ก็เหลือแต่พวกสายความเร็ว เป็นกองหน้ากึ่งปีก หรือแนวมิดฟิลด์ตัวรุกที่พยายามวางระบบแบบ False 9 ซึ่งถ้าถามว่าดีแค่ไหนมันก็ยังไม่ค่อยตอบโจทย์ เมื่อตัวค้ำไม่มี แนวรุกทำเกมไม่ได้ถนัด ตัวสนับสนุนในแผงมิดฟิลด์ไม่เข้าใจตำแหน่งของตนเอง ทุกอย่างมันเลยส่งผลชัดเจน
ขนาดว่าแนวรับได้ คาลิดู คูลิบาลี่ มาร่วมทีมก็ยังโดนยิงกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ เล่นเอานายใหญ่เก้าอี้สั่นกันเลยทีเดียว พอมองถึงอาการบาดเจ็บก็เป็นความน่ากังวลใจที่ทีมของพวกเขาต้องพบเจออยู่บ่อยครั้ง แม้นี่พึ่งเริ่มซีซั่นภายใต้เจ้าของคนใหม่ มันก็ดูมีปัญหาไปหมดเสียทุกอย่าง
แฟน ๆ เองคงได้แต่หวังว่าทีมเดิมของเขาจะกลับมาในเร็ววัน แต่ทั้งนี้คงต้องใช้เวลาหรือหาจุดลงตัวอย่างเหมาะสม และมากไปกว่านั้นต้องคอยเช็กข่าวให้ดีว่าผู้จัดการทีมจะยังเป็นคนเดิมอยู่หรือไม่หากผลงานย่ำแย่และทำทีมไม่น่าประทับใจแบบนี้