นาทีนี้เมื่อพูดถึงหัวหอกตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าเบอร์ 1 ของโลก ยังไงก็ต้องยกให้กับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ดาวยิงผมทองร่างยักษ์ชาวนอร์เวย์แห่งทัพ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยฟอร์มการเล่นอันแสนดุดัน ยิงคม ทรงพลัง แข็งแกร่ง ทุกอย่างถูกรวมเอาไว้ในคน ๆ เดียว กับการเป็นตัวอันตรายในกรอบเขตโทษชนิดที่กองหลังคนไหนบนโลกนี้ก็หยุดเขายากเย็นเหลือเกิน ความเก่งกาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของจริง
หากลองย้อนสถิติกลับไปในช่วงก่อนที่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ จะตัดสินใจย้ายมาเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างซีซั่นก่อนหน้า (2021/22) เขาลงเล่นให้กับทัพ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ บนเวทีบุนเดสลีกาทั้งสิ้น 24 นัด ยิงไปถึง 22 ประตู แอสซิสต์อีก 8 ลูก รวมถึงยิงบนเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 ลูก จากการลงสนาม 3 นัด
หรือถ้าย้อนกลับไปไกลอีกสักซีซั่น (2020/21) ดาวยิงเจ้าของฉายา “จอมมารบู” ที่คนไทยตั้งให้ ลงสนามกับทัพเสือเหลืองบนเวทีลีกไปทั้งสิ้น 28 นัด ยิงไปถึง 27 ประตู ขณะที่ในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ลงเล่น 8 นัด ซัดได้ถึง 10 ลูก
สถิติทุกอย่างมันบ่งบอกว่าเขาคือเบอร์ 1 ของโลกในเวลานี้กับฐานะของตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าอย่างไม่มีข้อสงสัยอื่นใดทั้งสิ้น นี่จึงทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าร์ นายใหญ่ชาวสเปนแห่งถินเอติฮัด สเตเดี้ยม ตัดสินใจไม่ยากในการดึงเขามาสวมชุดแมนเชสเตอร์ฝั่งสีฟ้า
เอาแค่การเล่นในพรีเมียร์ลีก 4 นัด เปิดฤดูกาล เจ้าตัวซัดไปถึง 6 ประตู ซึ่งยังแบ่งออกเป็นแฮตทริกได้ 1 ครั้งอีกต่างหาก ความดุดันและร้ายกาจแบบนี้คงยากที่จะหาใครมาเทียบเคียง และด้วยวัย 20 ต้น ๆ อนาคตของเขายังเดินหน้าได้อีกไกลมาก ไม่แน่ว่าสถิติการยิงประตูทั้งหลายที่เคยถูกสร้างเอาไว้อาจโดนทำลายลงในเร็ววัน
คราวนี้เมื่อมองไปถึงความปรารถนาสูงสุดของนายใหญ่ชาวสเปน ซีซั่นนี้เขาคาดหวังถึงการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยไม่ต้องมีชอยส์ตัวเลือกอื่นมาบดบังใด ๆ ทั้งสิ้น และการเข้ามาของเค้า มันทำให้ทุกอย่างตอบโจทย์แบบไร้ที่ติ
จากเดิมที่ ซิตี้ จะอาศัยการเล่นแนวรุกแบบ False 9 ไม่มีกองหน้าตัวเป้าชัดเจนนับตั้งแต่หมดยุคของ เซร์คิโอ อเกวโร่ อาศัยการต่อบอล โดยมีกาเบรียล เฆซุส เป็นเป้าหมายหลัก ไม่ก็อาจดัน แบร์นาโด ซิลวา, ฟิล โฟเด้น หรือ ดาบิด ซิลบา เข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ ทว่าการมาถึงของเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ช่วยเปิดมิติใหม่ให้กับทีม สร้างความหลากหลายและความอันตรายให้กับลูกทีมของเป๊ปได้อีกเยอะมากจริง ๆ